วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

อุปนัยและนิรนัย




อุปนัย และ นิรนัย มาจากภาษาบาลี ใช้แทนคำว่า induction และ deduction ตามลำดับ... ซึ่งอาจแยกศัพท์ได้ว่า อุปะ + นัย = อุปนัย  ...และ นิระ + นัย = นิรนัย ... 
อุปะ แปลว่า เข้าไป
นิระ แปลว่า ออกไป
... ซึ่ง ทั้งสองศัพท์นี้ เป็นอุปสัคใช้นำหน้ารากศัพท์
นัย มาจากรากศัพท์ว่า นี แปลว่า นำไป (รากศัพท์นี้เคยเล่ามาบ้างแล้ว ผู้สนใจดู นายก ) ... เมื่อรวมกันก็มีความหมายย่อๆ ดังนี้
อุปะ + นัย = อุปนัย แปลว่า การนำเข้าไป
นิระ + นัย = นิรนัย แปลว่า การนำออกมา
ปัญหาก็คือ การให้เหตุผลแบบอุปนัย หรือ แบบนำเข้าไป ...และการให้เหตุผลแบบนิรนัย หรือ แบบนำออกมา เป็นอย่างไร...
ผู้เขียนก็เลยยกนิทานว่า ตี่ต่างว่า เราจะไปซื้อเงาะ เห็นเงาะอยู่เต็มเข่ง.. เราก็ถามว่า เงาะนี้หวานมั้ย ? ... แม่ค้าก็บอกว่า ชิมดูซิ ... เราลองชิมดู ๔-๕ ลูก รู้สึกว่า กรอบ หอม หวาน เป็นที่พอใจ จึงได้ตัดสินใจซื้อมา ๒-๓ กิโล โดยเชื่อว่าเงาะในเข่งนั้นหวานทั้งหมด...
จากนิทานนี้ ผู้เขียนก็อธิบายว่า แม่ค้าเชื่อว่า เงาะทั้งหมดในเข่ง หวานทุกลูก ดังนั้น แม้ว่าเราจะชิมลูกใด ก็ต้องหวานแน่นอน...ความเชื่อของแม่ค้าทำนองนี้ เรียกว่า นิรนัย นั่นคือ นำสิ่งบางอย่างออกมาจากสิ่งทั้งหมด เหมือนกับ  เมื่อเชื่อว่า เงาะทุกลูกหวาน ดังนั้น ลูกที่นำออกมาก็ต้องหวาน ...
ส่วนตัวเราผู้จะชื้อ มีความเชื่อแบบ อุปนัย นั่นคือ เราลองชิมเงาะจากเข่งเพียง ๔-๕ ลูก เมื่อปรากฎว่า เงาะทุกลูกที่ชิมไปหวาน ดังนั้น เราจึงสรุปว่า เงาะในเข่งนั้นทั้งหมดก็จะต้องหวาน ... ข้อนี้เป็นหลักการ นำบางส่วนเข้าไปในสิ่งทั้งหมด เหมือนกับ การชิมเงาะเพียง ๔-๕ ลูกในเข่ง แล้วเชื่อว่า เงาะในเข่งทั้งหมดหวาน ฉะนั้น ... 
สรุปว่า ผู้เขียนใช้ให้นิสิตจำไว้ว่า..
การอ้างเหตุผลแบบอุปนัย คือ การนำสิ่งที่รู้แล้วบางอย่างแล้วก็สรุปเป็นความรู้ทั้งหมด เหมือนกับ คนจะซื้อเงาะแล้วทดลองชิม ...
การอ้างเหตุผลแบบนิรนัย คือ การเชื่อสิ่งทั้งหมดว่าเป็นอย่างนั้น และเมื่อนำบางส่วนออกมา ก็ย่อมเป็นเช่นเดียวกับทั้งหมด เหมือนกับ แม่ค้าเงาะที่เชื่อว่าเงาะทั้งหมดในเข่งหวานแล้วทดลองให้ชิม ...
ก็ยังไม่แน่ใจว่า นิสิตของผู้เขียนจะเข้าใจตัวอย่างที่ยกขึ้นมาทันทีทันใดในวันนี้ได้หรือไม่ (...........)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น